เลห์ ลาดักค์ ประเทศอินเดีย ดินแดนธิเบตน้อยแห่งอินเดีย
ทริป 6 วัน 5 คืน
“Leh Ladakh เลห์ ลาดัก สู่ดินแดนทิเบตน้อย ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง ฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสีช่วงเดือนตุลาคม Golden Autumm เป็นช่วงที่สวยมาก อากาศประมาณ -1 ถึง 21 องศา ทริปนี้เป็น Road trip ไม่ต้องเดิน เราจะนั่งรถไปแต่ละเมืองเพื่อชมความงามของธรรมชาติ วัฒธนธรรมและผู้คน ต้องไปเห็นกับตาสักครั้งในชีวิต”
รายละเอียดการเดินทาง
วันเดินทาง
21.00 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางโดยสารการบินไทย Flight TG331 เวลาบิน 23.15 น. ประเทศไทย ใช้เวลาบินถึงอินเดีย 4.30 ชม.
วันที่ 1 : Delhi – Leh (พักปรับร่างกาย 4 ชั่วโมง) – Leh Place – Namgyal Castle
ถึงสนามบิน Delhi ต่อเครื่องบินเพื่อเดินทางสู่ Leh Ladakh เราจะบินไฟลท์ภายในประเทศสู่ Leh Ladakh โดยใช้เวลาบินประมาณ 1.20 ชม. ถึง Leh นั่งรถไปที่พัก เก็บของและพักผ่อน วันนี้เราจะเดินเล่นแถวที่พัก และพักผ่อนเพื่อปรับสภาพร่างกาย และ ตอนเย็นเราจะเดินทางไป Leh Palace และ Namyal Castle
วันที่ 2 : Magnetic Hill – Sangam River – Lamayuru Monastery – Alchi Monastery – Shanti Stupa
ทานอาหารเช้าพร้อมกันที่โรงแรม เสร็จแล้ววันนี้เราจะไปเที่ยวรอบๆเลห์ โดยจะไปที่ Manetic Hills เป็นฉากที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้อลังการมากๆ เหมือนเป็นถนนวิ่งเข้าไปในภูเขาใหญ่ และเราจะเดินทางไป Sangam (แม่น้ำสองสี) เป็นจุดที่แม่น้ำสองสายคือ Indus & Zanskar River มาบรรจบกัน หลังจากความงามของแม่น้ำแล้ว เราจะเดินทางไปต่อกันที่ Lamayuru Monastery เป็นวัดทางพุทธศาสนาแบบทิเบตที่เก่าแก่มากใน เลห์ ลาดัก ถูกสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 หรือมีอายุประมาณราวๆ 1000 ปี โดยที่นี่ตั้งอยู่บนความสูง 3,510 เมตร และขากลับเราขะแวะที่ Alchi Monastery วัดหนึ่งที่พวกเขากล่าวว่าเป็นอารามที่เก่าแก่ที่สุดในลาดักห์ และที่สุดท้ายก่อนจะเข้าที่พักเราจะแวะชมแสงเย็นกันที่ Shanti stupa โดยเราจะใช้เวลาทั้งวันกับสถานที่ท่องเที่ยว เสร็จกลับมาที่พัก Leh ทานอาหารเย็นที่โรงแรม
วันที่ 3 : Leh – Nubra Valley (Via Khardunla pass HighestMotorable road at the altitude of 5,602 m.) – Diskit gompa
หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จเราจะเดินทางไปที่ Nubra Valley หมู่บ้านในหุบเขาที่บรรยากาศดีมากโดยวันนี้เราจะได้นั่งรถชมวิวระหว่างทางและที่สำคัญเราจะผ่าน Khardungla Pass ถนนที่สูงที่สุดในโลก สูงถึง 18,380 ฟุตหรือ 5,602 เมตรอากาศบนนี้หนาวมาก และวิวรอบๆก็สวยมากเช่นกัน ก่อนจะเข้าที่พักเราจะแวะที่วัด Diskit gompa เป็นวัดทิเบตที่เก่าแก่ที่สุดใน Nubra vallry และมี “จัมปะ” สูงถึง 32 เมตรเลยทีเดียว หลังจากนั้นเราจะเข้าที่พักและทานอาหารเย็นที่โรงแรม
วันที่ 4 : Nubra Valley – Camel Safari – Pangong Lake (4,200 m.)
หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเราจะเก็บของและเดินทางต่อไปที่ Hunder Sand Dune เพื่อชม Camel Safari ก่อน กิจกรรมที่ห้ามพลาดคือการขี่อูฐ (ประมาณ15-30 นาที หากต้องการขี่อูฐชำระเองที่นั่นได้เลยครับ) หลังจากนั้นเราจะนั่งรถต่อไปที่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที่สุดในโลกน้ำทะเลสาบสีฟ้าสีน้ำเงินกระจายเป็นเฉดสีตามอุณหภูมิของแสงอาทิตย์ในเวลานั้นๆล้อมรอบด้วยภูเขาสูงใหญ่ตัดท้องฟ้าสีน้ำเงินตามแบบฉบับของเลห์เมื่อถึงที่พักริมทะเลสาบปันกองเราจะเก็บของและออกไปชมความสวยงามของทะเลสาบที่นี่ตามอัธยาศัยทานอาหารเย็นพร้อมกัน
วันที่ 5 : Pangong Lake – Leh
หลังจากทานอาหารเช้าเก็บของขึ้นรถวันนี้เราจะเดินทางกลับเลห์ระยะเวลาประมาณ 7 ชม.ระหว่างเดินกลับเราจะแวะชมความของทะเลสาบ ถ่ายรูป และหลังจากนั้นเราจะนั่งรถชมวิวระหว่างทาง (สวยมาก) เมื่อถึงที่พักเลห์ เก็บของเข้าที่พัก หากมีเวลาทุกคนสามารถไปเดินชอปปิ้งซื้อของฝากที่ตลาดเลห์ได้ และกลับมาทานอาหารเย็นพร้อมกันที่ที่พัก
วันที่ 6 :LEH – Delhi Airport – Bangkok
ทานอาหารเช้า และเช็คเอาท์เก็บสัมภาระและเดินทางไปสนามบินพร้อมกัน เราจะบินจากสนามบิน Delhi เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยโดยไฟลท์ในประเทศ และบินกลับไทย ไฟลท์ TG316 การบินไทย
หมายเหตุ : กำหนดการและข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยทางบริษัทจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ข้อควรรู้ก่อนเดินทาง
- เนื่องจากเลห์ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง ประมาณ 3,500-5,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล อากาศจะบาง ไม่ค่อยมีออกซิเจนจะทำให้เหนื่อยง่ายหายใจลำบาก ส่งผลให้เกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ หรือเสี่ยงกกับการเกิดอาการแพ้ความสูง (ดังนั้นห้ามวิ่ง หรือเดินเร็วเกินไป ) ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อปรับตัวกับสภาพที่มีออกซิเจนน้อยบนที่สูง ห้ามฝืน หรือควรซื้อ Oxygen กระป๋องสำรองกรณีฉุกเฉิน
- อาหารส่วนมากเป็นมังสวิรัต ไม่มีเนื้อสัตว์อาจจะไม่ถูกปากคนไทย แนะนำเตรียมอาหารสำรองติดไปกรณีเบื่ออาหาร